กรอบหน้าชัด ลดเหนียง ทำอย่างไรให้เห็นผลจริง?

กรอบหน้าชัดคืออะไร? ทำไมถึงสำคัญ

กรอบหน้า (Jawline) คือเส้นขอบระหว่างใบหน้ากับลำคอ หากชัดเจนจะทำให้ใบหน้าดูเรียว สมส่วน ดูอ่อนวัยและสุขภาพดี ตรงกันข้าม หากมี เหนียง หรือไขมันสะสมใต้คาง อาจทำให้ใบหน้าดูอวบ หน้าเบลอ และขาดความมั่นใจ

สาเหตุของเหนียงและกรอบหน้าไม่ชัด

   – ไขมันสะสมบริเวณใต้คาง

   – ผิวหย่อนคล้อยจากอายุที่เพิ่มขึ้น

   – พฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น นั่งก้มหน้า เล่นมือถือบ่อย

   – พันธุกรรม

   – น้ำหนักตัวที่มากเกินไป

วิธีลดเหนียงและเพิ่มความชัดของกรอบหน้า

1. วิธีธรรมชาติที่ทำได้ด้วยตัวเอง

   – ควบคุมน้ำหนัก: ลดไขมันสะสมทั้งตัว ส่งผลให้เหนียงลดลง

   – ออกกำลังกายบริเวณใบหน้า: เช่น ท่ากลืนน้ำลาย ท่ายืดลิ้น ช่วยกระชับกล้ามเนื้อใต้คาง

   – ดื่มน้ำเยอะๆ: ช่วยขับของเสียและลดการบวมน้ำบนใบหน้า

   – นวดกระชับหน้า: ใช้มือหรือนวดด้วยอุปกรณ์ เช่น ลูกกลิ้งหินหยก ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด

2. หัตถการทางการแพทย์ที่ได้รับความนิยม

   – HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound): คลื่นเสียงความเข้มข้นสูง ยกกระชับผิวและกระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหย่อนเล็กน้อย

   – RF (Radio Frequency): คลื่นความถี่วิทยุช่วยกระชับผิวและลดไขมันบางส่วน

   – เมโสแฟต (Meso Fat): ฉีดยาสลายไขมันเฉพาะจุด เช่น บริเวณเหนียง

   – ร้อยไหม: วิธีการยกกระชับผิวด้วยไหมละลาย ช่วยให้กรอบหน้าดูชัดขึ้นทันที

   – ดูดไขมันเหนียง: เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันใต้คางเยอะ ต้องการผลลัพธ์ชัดเจนรวดเร็ว

ข้อควรระวังในการเลือกวิธีลดเหนียง

    – ศึกษาข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้

    – ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเข้ารับบริการ

    – หลีกเลี่ยงการซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการจากแหล่งที่ไม่ผ่าน อย. หรือไม่มีใบอนุญาตประกอบการ

สรุป:

          อยากมีกรอบหน้าชัด ลดเหนียงให้ได้ผล ต้องทำอย่างไร? การมีกรอบหน้าชัดและไร้เหนียงทำให้ใบหน้าดูสวยงามและมีมิติ สามารถทำได้ทั้งวิธีธรรมชาติ เช่น การควบคุมน้ำหนัก ออกกำลังกายบนใบหน้า หรือเลือกวิธีทางการแพทย์ เช่น HIFU, เมโสแฟต หรือร้อยไหม ซึ่งเห็นผลรวดเร็วและปลอดภัยหากทำกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ

อยากสวยจบแบบไม่ต้องเจ็บตัวด้วยโปรแกรม Ultherapy Prime

โปรแกรม Ultherapy และโปรแกรม Ultherapy Prime ต่างกันอย่างไร

                โปรแกรม Ultherapy Prime เป็นโปรแกรมที่พัฒนามาจากโปรแกรม Ultherapy แต่จะมีการปรับปรุงรูปลักษณ์ของตัวเครื่องให้ดูดีและทันสมัยขึ้น มีความแม่นยำในการสแกนชั้นผิวหนังมากขึ้น ทำให้สามารถทำการรักษาได้เร็วขึ้น 20 % ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นและมีการยกกระชับของใบหน้าที่นานมากกว่า Ultherapy รุ่นเดิม

ข้อดีของ Ultherapy Prime

  • มีความแม่นยำมากขึ้นทั้งในด้านการสแกนชั้นใต้ผิวหนังและด้านการส่งพลังงาน เมื่อมีความแม่นยำมากขึ้นเวลาที่ใช้ในการรักษาจะน้อยลงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง โปรแกรม Ultherapy Prime สามารถส่งพลังงานลงลึกถึงชั้นผิว SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับการผ่าตัดดึงใบหน้า ทำให้ผิวมีความกระชับเรียบเนียน
  • ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น เนื่องจากเป็นนวัตกรรมที่ไม่ต้องผ่าตัดจึงไม่จำเป็นที่จะต้องพักฟื้น
  • ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานถึง 1 ปี หรือมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลของแต่ละบุคคล
  • เหมาะกับทุกสภาพผิว เพราะสามารถรักษาได้ถึงชั้นผิว SMAS ดังนั้นจึงสามารถรักษาได้ทุกสภาพผิว และยังสามารถทำได้ทั้งลำคอและร่างกายอีกด้วย

โปรแกรม Ultherapy Prime เหมาะกับใครบ้าง

  • ผู้ที่ผิวมีความหย่อนคล้อยไม่กระชับ
  • ผู้ที่มีปัญหารอยเหี่ยวย่น ร่องแก้ม ริ้วรอย หรือร่องลึก
  • ผู้ที่ต้องการลดไขมันส่วนเกิน บริเวณแก้ม บริเวณใต้คาง สามารถทำให้กรอบหน้าชัด ดูหน้าเรียวขึ้น
  •  ผู้ที่ไม่อยากพักฟื้น
  • ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูโดยไม่ต้องผ่าตัด

การเตรียมตัวก่อนทำ Ultherapy Prime

                1. ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจทำเพื่อให้แพทย์ประเมินการรักษาและวางแผนอย่างละเอียด

                2. ทำความสะอาดผิวและฉีดยาชาทำโดยแพทย์หรือผู้ช่วยแพทย์ ประมาณ 40 – 60 นาที เพื่อจะได้รู้สึกสบายผิวในการทำการรักษา

                3. ลงมือทำโปรแกรม Ultherapy Prime ด้วยการยิงพลังงาน Ultrasound ลงถึงชั้นผิว SMAS เพื่อกระตุ้นให้ผิวหนังสร้างคอลลาเจน

สรุปแล้วโปรแกรม Ultherapy Prime และ Ultherapy เป็นเครื่องมือที่ช่วยยกกระชับผิวเหมือนกัน ใช้การส่งพลัง Ultrasound เหมือนกัน แต่แตกต่างกันที่รูปลักษณ์และประสิทธิภาพที่ Ultherapy Prime จะแม่นยำและดีกว่า สามารถทำได้ทุกสภาพผิวไม่ต้องพักฟื้นเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้