ไขข้อสงสัยความแตกต่างของบ้านทาวน์เฮ้าส์ และทาวน์โฮม

             บ้านทาวน์เฮ้าส์ และทาวน์โฮม จัดว่าเป็นประเภทบ้านที่มีคนสงสัยกันเยอะมาก ว่าบ้านทั้ง 2 แบบนี้ มีความต่างกันยังไงบ้าง เพราะถ้ามองผิวเผินจะเชื่อได้เลยว่าต้องมีสับสนกันบ้างแหละ ดังนั้นวันนี้เราจึงจะมาอธิบายคร่าวๆ ของบ้านทาวน์เฮ้าส์ และทาวน์โฮม ให้เองเพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจถึงประเภทบ้านทั้งสองแบบนี้ได้มากขึ้น ว่าแล้วก็ตามมาทางนี้เลยค่ะ

บ้านทาวน์เฮ้าส์ (Townhouse)

เป็นประเภทบ้านแถวที่มีหน้าตาคล้ายๆ กัน ปลูกเรียงกันให้ดูน่าอยู่อาศัยตามแบบฉบับวัฒนธรรมตะวันตก ซึ่งก็คือห้องแถวที่มีพื้นที่กั้นระหว่างบ้านเป็นกำแพงเดียวกันมีที่ว่าง บริเวณด้านหน้าและด้านหลังระหว่างรั้ว หรือแนวเขตที่ดินกับตัวอาคาร ซึ่งส่วนมากจะนิยมออกแบบสร้างบ้านประเภทนี้ด้วยความสูงไม่เกิน 2 ชั้น โดยจุดเด่นของทาวน์เฮ้าส์ คือ รูปแบบสังคมขนาดเล็ก ให้ความรู้สึกที่อบอุ่นด้วยพื้นที่ใช้สอยที่ถูกออกแบบมาได้อย่างคุ้มค่ากับราคาเบาๆ ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยแบบครอบครัวขนาดเล็ก และมักไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก เช่นสโมสร สระว่ายน้ำ หรือสวนส่วนกลาง

บ้านทาวน์โฮม (Townhome)

พัฒนาต่อยอดมาจาก Townhouse นั่นเอง เป็นคำที่ไม่มีการอธิบายความหมายเป็นหลักฐานชัดเจน และเพิ่งจะถูกเรียกใช้ในช่วงไม่กี่ปีให้หลังมานี้ ในทวีปยุโรปมักนิยมใช้คำว่า Home มากกว่า House เพราะเมื่อฟังแล้วให้ความรู้สึกสื่อถึงบ้านและรับรู้ได้ถึงความรู้สึกอบอุ่น มีชีวิตชีวา มีความเป็นเจ้าของและความเป็นบ้านมากกว่า ด้วยเหตุนี้เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และการทำการตลาดส่วนใหญ่ จึงนิยมหันมาใช้คำว่า บ้านทาวน์โฮมกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน และโดยปกติแล้วบ้านทาวน์โฮมมักจะมาพร้อมกับ สิ่งอำนวยความสะดวก เช่น สโมสร สระว่ายน้ำ หรือสวนส่วนกลาง เป็นต้น

ทาวน์เฮ้าส์และทาวน์โฮมเป็นประเภทของที่อยู่อาศัยที่คล้ายกันโดยจะมีความแตกต่างกันเล็กๆ น้อยๆ ดังนี้

  • โครงสร้างและการออกแบบ

ทาวน์เฮ้าส์ ประกอบด้วยหลายส่วนที่เชื่อมต่อกันด้วยผนังร่วม โดยแต่ละส่วนจะมีหลายชั้น ผนังของหน่วยต่อหน่วยจะติดต่อกันตรงกับผนังด้านข้าง มักจะมีความเป็นส่วนตัวน้อยกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับทาวน์โฮม เนื่องจากมีหน่วยอยู่ติดกันหลายหน่วย

ทาวน์โฮม แต่ละหน่วยยังคงเชื่อมต่อกัน แต่มักจะมีการออกแบบที่ให้ความรู้สึกเป็นบ้านเดี่ยวมากขึ้น บางครั้งมีเพียงหน่วยเดียวหรือสองหน่วยที่ติดกัน เน้นการให้พื้นที่ส่วนตัวมากกว่าและอาจมีพื้นที่ใช้สอยภายนอกเช่นสวนหลังบ้านหรือพื้นที่กลางแจ้งส่วนตัว

  • ความเป็นส่วนตัว

ทาวน์เฮ้าส์ เนื่องจากมีผนังร่วมกัน ความเป็นส่วนตัวอาจน้อยกว่าเมื่อเทียบกับทาวน์โฮม โดยเฉพาะในโครงการที่มีหลายหลังติดกัน

ทาวน์โฮม มักมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าเพราะแต่ละหลังมักจะมีพื้นที่ของตัวเองชัดเจนมากขึ้น บางครั้งมีพื้นที่รอบ ๆ บ้านที่สามารถใช้สำหรับกิจกรรมกลางแจ้งหรือมีสวนขนาดเล็ก

  • ค่าใช้จ่าย และค่าบำรุงรักษา

ทาวน์เฮ้าส์  ส่วนใหญ่จะมีค่าบำรุงรักษาไม่แพงเพราะพื้นที่ใช้สอยร่วมกันและการจัดการโดยนิติบุคคลหรือสมาคมเจ้าของบ้าน

ทาวน์โฮม อาจมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาที่สูงกว่าเล็กน้อยเนื่องจากมีพื้นที่ส่วนตัวและส่วนกลางมากกว่า แต่ก็ให้ความรู้สึกเหมือนบ้านเดี่ยวที่มีการจัดการพื้นที่โดยเจ้าของเองมากขึ้น

การเลือกระหว่างทาวน์เฮ้าส์และทาวน์โฮมจะขึ้นอยู่กับความต้องการในเรื่องพื้นที่, ความเป็นส่วนตัว, งบประมาณ และสไตล์การอยู่อาศัยที่คุณต้องการ

              สรุปแล้วบ้านทาวน์เฮ้าส์ และบ้านทาวน์โฮมมีลักษณะใกล้เคียงกัน ต่างกันเล็กน้อยตรงที่บ้านทาวน์โฮมจะมีพื้นที่มากกว่า หรืออาจมีสามชั้น สามารถทำออฟฟิศได้ สำหรับคนไทยนั้นคุ้นเคยกับคำว่าบ้านทาวน์เฮ้าส์มานาน และเข้าใจว่าเป็นบ้านที่มีลักษณะเหมือนห้องแถวหรือตึกแถวที่อาจไม่หรูหราอะไรมากนัก แต่บ้านทาวน์โฮมเป็นคำที่เพิ่งมีเมื่อไม่นานนี้ ซึ่งเป็นการตลาดอย่างหนึ่งที่ต้องการยกระดับบ้านทาวน์เฮ้าส์ให้ดูดีขึ้น และมีผลทางความรู้สึกว่าเป็นบ้านที่อบอุ่น เพราะ “โฮม” มีความหมายถึงบ้านที่ผู้อยู่อาศัยอยู่แล้วสบายใจนั่นเอง

วิธีป้องกันโรคตับ โรคร้ายที่หลายๆคนมองข้าม

โรคที่หลายๆคนกลัวมากที่สุด คือโรคมะเร็ง เนื่องจากขึ้นชื่อว่ารักษาได้ยากมากและไม่สามารถรักษาได้เลยหากถึงระยะสุดท้ายแล้ว และถึงแม้จะดูแลสุขภาพดีสักแค่ไหน ก็ยังมีโรคมะเร็งมากล้ำกลายได้อยู่ดี จึงเป็นเหตุให้หลายๆคนกลัวโรคนี้จนมองข้ามโรคตับไป รู้หรือไม่ว่าโรคตับนั้นสามารถเป็นได้เพียงแค่การรับประทานยาเกินขนาดเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมากเลยค่ะ บางคนปวดหัวมาก ชอบทานยาแก้ปวดปริมาณมากเพื่อให้อาการนั้นบรรเทาลงอย่างรวดเร็ว รู้หรือไม่ว่าการกระทำนั้นเป็นการทำลายตับของเราลงไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้ตัว

แต่โรคตับ เป็นโรคที่หลายๆคนมักจะชอบมองข้าม เพราะส่วนมากคนที่เป็นโรคนี้จะเป็นเพศชายที่ชอบดื่มเหล้าเป็นประจำ แต่รู้หรือไม่ว่าเพศหญิงก็สามารถเป็นโรคตับได้เช่นกัน และโรคตับนั้นก็ร้ายแรงไม่แพ้โรคอื่นๆเลยค่ะ ดังนั้นเรามาทราบวิธีป้องกันโรคตับกันเลยดีกว่า

หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นอกจากช่วยป้องกันโรคตับได้แล้วยังป้องกันโรคอื่นๆได้อีกมากมายเลยล่ะค่ะ นอกจากนี้การใช้ยาและสารเคมีต่างๆ ก็ยังสามารถทำลายตับได้อีกด้วย ดังนั้นให้ระมัดระวังเรื่องการใช้ยา ไม่ควรซื้อยาทานเอง เมื่อเป็นโรคอะไรก็ตามควรพบแพทย์โดยทันทีค่ะ พยายามหลีกเลี่ยงการทานยาพาราเซตามอนหรือยาแก้ปวดโดยไม่จำเป็น อย่าให้เกิน 5 เม็ดต่อวัน เพราะตับนั้นจะทำงานหนัก  เป้นสาเหตุทำให้เกิดโรคไตและโรคตับได้ค่ะ

โยคะง่ายๆ สไตล์คนเมือง ช่วยแก้ปวดหลังได้ดีนักล่ะ

ปฎิเสธกันไม่ได้เลยว่า ในทุกวันนี้ชีวิตที่เร่งรีบอย่างคนในเมือง มันส่งผลให้ร่างกายของเราอ่อนแอซะจริงๆ การนั่งทำงานในออฟฟิศทั้งวันโดยที่ไม่ได้ยืดเส้นยืดสาย ไม่ได้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ก็อาจจะทำให้เราปวดหลังเรื้อรังได้นะ

ลำพังแค่ต้องทำงานทุกวันจันทร์ – ศุกร์ ก้แทบไม่มีเวลาพักผ่อนแล้ว ยังต้องเจียดเวลาไปออกกำลังกายอีกหรือเนี่ย จะเอาเวลาที่ไหนไปทำล่ะ? การออกกำลังกายด้วยโยคะง่ายๆ ที่บ้าน เพียงวันละไม่กี่นาที ก็สามารถช่วยรักษาอาการปวดหลังได้นะคะ เพราะการฝึกโยคะ มันคือการฝึกสมาธิ ที่ให้เราจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เรากำลังทำ ทำให้ร่างกายของเราสามารถเคลื่อนไหวได้ดี ช่วยชะลอความเสื่อมของกระดูกข้อต่อต่างๆในร่างกายได้ ซึ่งนอกจากการฝึกโยคะ จะช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยที่เกิดจากการทำงานในชีวิตประจำวันแล้ว ยังช่วยผ่อนคลายและลดความเครียดที่เกิดจากสิ่งต่างๆ รอบตัวเราได้อีกด้วย ค่ะ

แล้วควรเล่นโยคะในท่าไหนดี ที่จะช่วยบรรเทาอาการปวดหลังได้? ลองทำแบบนี้นะคะ เหยียดแขนชูขึ้นเหนือศรีษะ พนมมือ ให้แขนทั้งสองข้างอยู่ด้านหลังใบหู หายใจเข้าอย่างช้าๆ ไม่ต้องเร่งรีบ หลังจากนั้นให้หายใจออก พร้อมกับบิดตัวไปทางซ้าย สลับกับบิดตัวไปทางขวา ทำซ้ำอยู่อย่างนี้ประมาณ 5-6 ครั้ง  ซึ่งการฝึกโยคะในท่านี้ จะช่วยให้กระดูกสันหลัง และระบบประสาทของกระดูกสันหลังของเราเกิดการคลายตัว ทำให้ลดอาการปวดหลัง หรือการบาดเจ็บที่หลัง บั้นเอว สะโพก ได้เป็นอย่างดีค่ะ