กรอบหน้าชัด ลดเหนียง ทำอย่างไรให้เห็นผลจริง?

กรอบหน้าชัดคืออะไร? ทำไมถึงสำคัญ

กรอบหน้า (Jawline) คือเส้นขอบระหว่างใบหน้ากับลำคอ หากชัดเจนจะทำให้ใบหน้าดูเรียว สมส่วน ดูอ่อนวัยและสุขภาพดี ตรงกันข้าม หากมี เหนียง หรือไขมันสะสมใต้คาง อาจทำให้ใบหน้าดูอวบ หน้าเบลอ และขาดความมั่นใจ

สาเหตุของเหนียงและกรอบหน้าไม่ชัด

   – ไขมันสะสมบริเวณใต้คาง

   – ผิวหย่อนคล้อยจากอายุที่เพิ่มขึ้น

   – พฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น นั่งก้มหน้า เล่นมือถือบ่อย

   – พันธุกรรม

   – น้ำหนักตัวที่มากเกินไป

วิธีลดเหนียงและเพิ่มความชัดของกรอบหน้า

1. วิธีธรรมชาติที่ทำได้ด้วยตัวเอง

   – ควบคุมน้ำหนัก: ลดไขมันสะสมทั้งตัว ส่งผลให้เหนียงลดลง

   – ออกกำลังกายบริเวณใบหน้า: เช่น ท่ากลืนน้ำลาย ท่ายืดลิ้น ช่วยกระชับกล้ามเนื้อใต้คาง

   – ดื่มน้ำเยอะๆ: ช่วยขับของเสียและลดการบวมน้ำบนใบหน้า

   – นวดกระชับหน้า: ใช้มือหรือนวดด้วยอุปกรณ์ เช่น ลูกกลิ้งหินหยก ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด

2. หัตถการทางการแพทย์ที่ได้รับความนิยม

   – HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound): คลื่นเสียงความเข้มข้นสูง ยกกระชับผิวและกระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหย่อนเล็กน้อย

   – RF (Radio Frequency): คลื่นความถี่วิทยุช่วยกระชับผิวและลดไขมันบางส่วน

   – เมโสแฟต (Meso Fat): ฉีดยาสลายไขมันเฉพาะจุด เช่น บริเวณเหนียง

   – ร้อยไหม: วิธีการยกกระชับผิวด้วยไหมละลาย ช่วยให้กรอบหน้าดูชัดขึ้นทันที

   – ดูดไขมันเหนียง: เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันใต้คางเยอะ ต้องการผลลัพธ์ชัดเจนรวดเร็ว

ข้อควรระวังในการเลือกวิธีลดเหนียง

    – ศึกษาข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้

    – ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเข้ารับบริการ

    – หลีกเลี่ยงการซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการจากแหล่งที่ไม่ผ่าน อย. หรือไม่มีใบอนุญาตประกอบการ

สรุป:

          อยากมีกรอบหน้าชัด ลดเหนียงให้ได้ผล ต้องทำอย่างไร? การมีกรอบหน้าชัดและไร้เหนียงทำให้ใบหน้าดูสวยงามและมีมิติ สามารถทำได้ทั้งวิธีธรรมชาติ เช่น การควบคุมน้ำหนัก ออกกำลังกายบนใบหน้า หรือเลือกวิธีทางการแพทย์ เช่น HIFU, เมโสแฟต หรือร้อยไหม ซึ่งเห็นผลรวดเร็วและปลอดภัยหากทำกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ

แคลเซียมกับสุขภาพข้อเข่าจำเป็นแค่ไหนในแต่ละช่วงวัย

แคลเซียมคืออะไร มาทำความรู้จักกับแคลเซียมกัน

แคลเซียม คือแร่ธาตุที่มีส่วนสำคัญต่อโครงสร้างหลักของร่างกายหรือก็คือ “กระดูก” ซึ่งแคลเซียมมีหน้าที่ในการเสริมสร้างกระดูก อีกทั้งยังช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ หากร่างกายได้รับแคลเซียมในปริมาณที่มากเพียงพอก็จะสามารถเสริมสร้างความแข็งแรงให้กระดูก และยังลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคกระดูกพรุนได้ แคลเซียมมีประโยชน์ต่อกับร่างกายหลายอย่าง เราจึงควรใส่ใจที่จะเรียนรู้ถึงเรื่องต่างๆ ของแคลเซียมให้มาก เพื่อเป็นประโยชน์ต่อตนเอง โดยสิ่งที่ควรต้องรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับตัวแคลเซียมบำรุงข้อเข่า และกระดูกนั้นมีดังนี้

ประโยชน์ของแคลเซียมในการบำรุงข้อเข่า

  • ลดความเสี่ยงข้อเสื่อมในวัยกลางคนและผู้สูงอายุ
  • ช่วยให้กระดูกอ่อนที่หุ้มข้อมีความแข็งแรงมากขึ้น
  • ช่วยป้องกันภาวะกระดูกพรุน (ซึ่งส่งผลต่อข้อเข่าโดยตรง)
  • เสริมสร้างมวลกระดูกและลดความเสี่ยงกระดูกแตกร้าว

แคลเซียมรูปแบบไหนดูดซึมดีที่สุด

  • Calcium L-threonate เป็นรูปแบบที่ดูดซึมดีเยี่ยม ปราศจากการสะสมที่ไต
  • Calcium Citrate ดูดซึมดีแม้ในผู้ที่มีกรดในกระเพาะต่ำ
  • Calcium Carbonate ราคาไม่แพง แต่ต้องทานพร้อมอาหารเพื่อดูดซึมได้ดี
  • แคลเซียมผสมคอลลาเจนไทป์ II หรือ UC-II เพิ่มประสิทธิภาพในการบำรุงข้อโดยเฉพาะ

ช่วงวัยที่ควรให้ความสำคัญกับแคลเซียมเพื่อข้อเข่า

  • วัยทำงาน (30–50 ปี) เริ่มมีการเสื่อมของข้อเข่า
  • ผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) มวลกระดูกลดลงอย่างชัดเจน ต้องเสริมแคลเซียมและสารต้านการอักเสบ

ข้อควรระวังในการทานแคลเซียม

  • อย่าทานเกิน 1,200 มก./วัน เว้นแต่แพทย์แนะนำ
  • ควรเว้นช่วงห่างจากธาตุเหล็กและยาบางชนิด
  • ผู้ที่เป็นโรคไตควรปรึกษาแพทย์ก่อน
  • การทานร่วมกับวิตามิน D และแมกนีเซียมจะช่วยให้ดูดซึมดีขึ้น

ถ้าร่างกายขาดแคลเซียม อาจเกิดอะไรขึ้นกับข้อเข่า?

  • ข้อเข่าปวดเมื่อใช้งาน
  • เสี่ยงต่อกระดูกบาง กระดูกพรุน และข้อเข่าเสื่อม
  • เสี่ยงหกล้มแล้วกระดูกหักได้ง่าย
  • ข้อเข่าโก่งงอผิดรูปในระยะยาว (โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ)

คำแนะนำในการเลือกผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียมเพื่อข้อเข่า

  1. เลือกรูปแบบ แคลเซียม L-threonate + วิตามิน D3 + แมกนีเซียม
  2. มีเลข อย. และผ่านการรับรองมาตรฐาน GMP
  3. หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ใส่น้ำตาลและสารสังเคราะห์มากเกินไป
  4. สำหรับผู้สูงอายุหรือผู้มีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ

ทั้งนี้แคลเซียมไม่เพียงเป็นแร่ธาตุสำคัญที่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงโดยรวม แต่ยังมีบทบาทโดยตรงในการรักษาสุขภาพของข้อเข่า หากได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอในแต่ละวัน อาจนำไปสู่ปัญหาข้อเข่าเสื่อม ปวดข้อ และการเคลื่อนไหวที่ติดขัดได้ในระยะยาวได้ค่ะ

อยากสวยจบแบบไม่ต้องเจ็บตัวด้วยโปรแกรม Ultherapy Prime

โปรแกรม Ultherapy และโปรแกรม Ultherapy Prime ต่างกันอย่างไร

                โปรแกรม Ultherapy Prime เป็นโปรแกรมที่พัฒนามาจากโปรแกรม Ultherapy แต่จะมีการปรับปรุงรูปลักษณ์ของตัวเครื่องให้ดูดีและทันสมัยขึ้น มีความแม่นยำในการสแกนชั้นผิวหนังมากขึ้น ทำให้สามารถทำการรักษาได้เร็วขึ้น 20 % ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นและมีการยกกระชับของใบหน้าที่นานมากกว่า Ultherapy รุ่นเดิม

ข้อดีของ Ultherapy Prime

  • มีความแม่นยำมากขึ้นทั้งในด้านการสแกนชั้นใต้ผิวหนังและด้านการส่งพลังงาน เมื่อมีความแม่นยำมากขึ้นเวลาที่ใช้ในการรักษาจะน้อยลงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง โปรแกรม Ultherapy Prime สามารถส่งพลังงานลงลึกถึงชั้นผิว SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับการผ่าตัดดึงใบหน้า ทำให้ผิวมีความกระชับเรียบเนียน
  • ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น เนื่องจากเป็นนวัตกรรมที่ไม่ต้องผ่าตัดจึงไม่จำเป็นที่จะต้องพักฟื้น
  • ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานถึง 1 ปี หรือมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลของแต่ละบุคคล
  • เหมาะกับทุกสภาพผิว เพราะสามารถรักษาได้ถึงชั้นผิว SMAS ดังนั้นจึงสามารถรักษาได้ทุกสภาพผิว และยังสามารถทำได้ทั้งลำคอและร่างกายอีกด้วย

โปรแกรม Ultherapy Prime เหมาะกับใครบ้าง

  • ผู้ที่ผิวมีความหย่อนคล้อยไม่กระชับ
  • ผู้ที่มีปัญหารอยเหี่ยวย่น ร่องแก้ม ริ้วรอย หรือร่องลึก
  • ผู้ที่ต้องการลดไขมันส่วนเกิน บริเวณแก้ม บริเวณใต้คาง สามารถทำให้กรอบหน้าชัด ดูหน้าเรียวขึ้น
  •  ผู้ที่ไม่อยากพักฟื้น
  • ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูโดยไม่ต้องผ่าตัด

การเตรียมตัวก่อนทำ Ultherapy Prime

                1. ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจทำเพื่อให้แพทย์ประเมินการรักษาและวางแผนอย่างละเอียด

                2. ทำความสะอาดผิวและฉีดยาชาทำโดยแพทย์หรือผู้ช่วยแพทย์ ประมาณ 40 – 60 นาที เพื่อจะได้รู้สึกสบายผิวในการทำการรักษา

                3. ลงมือทำโปรแกรม Ultherapy Prime ด้วยการยิงพลังงาน Ultrasound ลงถึงชั้นผิว SMAS เพื่อกระตุ้นให้ผิวหนังสร้างคอลลาเจน

สรุปแล้วโปรแกรม Ultherapy Prime และ Ultherapy เป็นเครื่องมือที่ช่วยยกกระชับผิวเหมือนกัน ใช้การส่งพลัง Ultrasound เหมือนกัน แต่แตกต่างกันที่รูปลักษณ์และประสิทธิภาพที่ Ultherapy Prime จะแม่นยำและดีกว่า สามารถทำได้ทุกสภาพผิวไม่ต้องพักฟื้นเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้

วัยทองคืออะไร แล้วใครบ้างที่สามารถเป็นวัยทองได้ …?

วัยทองคืออะไร

วัยทองหรือที่รู้จักในภาษาอังกฤษว่า “Menopause” เป็นช่วงเวลาที่ผู้หญิงหยุดมีประจำเดือนโดยถาวร ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในผู้หญิงที่อายุระหว่าง 45-55 ปี แต่ก็อาจเกิดขึ้นได้ก่อนหรือหลังช่วงอายุนี้เล็กน้อย

สาเหตุของวัยทองคืออะไร ?

วัยทองเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะการลดลงของระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมระบบสืบพันธุ์และการมีประจำเดือน

ใครเป็นวัยทองได้บ้าง ?

ทุกผู้หญิงที่ผ่านเข้าสู่ช่วงอายุที่กล่าวมาข้างต้นจะเข้าสู่วัยทองในที่สุด นอกจากนี้ บางกรณีเช่นการผ่าตัดเอามดลูกหรือรังไข่ออก รังสีบำบัด หรือการรักษาด้วยเคมีบำบัดที่ส่งผลกระทบต่อรังไข่ก็อาจทำให้ผู้หญิงเข้าสู่วัยทองได้เร็วขึ้น

วิธีรับมือกับวัยทอง ?

1. การดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจ – ออกกำลังกายสม่ำเสมอ, กินอาหารที่มีประโยชน์, รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ, และพักผ่อนให้เพียงพอ

2. การใช้ยา – มีการใช้ยาเสริมฮอร์โมนเพื่อบรรเทาอาการวัยทอง แต่ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาข้อดีข้อเสียและความเหมาะสม

3. การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต – ลดการบริโภคคาเฟอีนและแอลกอฮอล์, งดสูบบุหรี่, และหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้อาการร้อนวูบวาบ (hot flashes) เกิดขึ้นง่าย

4. การให้การสนับสนุนทางอารมณ์ – คุยกับเพื่อนหรือครอบครัวเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ร่วมกลุ่มสนับสนุน หรือปรึกษาจิตแพทย์หากมีอาการซึมเศร้าหรือวิตกกังวล

วิธีป้องกันไม่ให้เป็นวัยทอง ?

1. การดูแลสุขภาพร่างกาย: การออกกำลังกายสม่ำเสมอสามารถช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนเอนดอร์ฟินในร่างกาย ซึ่งช่วยบรรเทาอาการอ่อนเพลียและซึมเศร้าที่อาจเกิดขึ้นได้ในช่วงวัยทอง การออกกำลังกายยังช่วยให้กระดูกแข็งแรง ลดโอกาสเป็นโรคกระดูกพรุน ซึ่งเป็นโรคที่มักเกิดขึ้นหลังจากวัยทอง

2. การรับประทานอาหารที่สมดุล: อาหารที่มีแคลเซียมและวิตามินดีสูง เช่น นมและผลิตภัณฑ์จากนม, ผักใบเขียว, และปลาที่มีไขมัน สามารถช่วยสนับสนุนสุขภาพกระดูก การบริโภคผักผลไม้จำนวนมากและอาหารที่มีไฟเบอร์สูงก็ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี

3. การลดหรืองดการบริโภคสารกระตุ้น: อย่างคาเฟอีนและแอลกอฮอล์สามารถช่วยลดอาการร้อนวูบวาบและปัญหาการนอนหลับ

4. ไม่สูบบุหรี่: การสูบบุหรี่ไม่เพียงแต่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุน แต่ยังทำให้เกิดอาการร้อนวูบวาบและปัญหาสุขภาพอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัยทอง

5. การจัดการความเครียด: การฝึกโยคะ การทำสมาธิ และการใช้เวลาผ่อนคลายอาจช่วยให้จัดการกับความเครียดและปรับปรุงอารมณ์ได้

แม้ว่าเราอาจจะทราบว่าวัยทองคืออะไร แต่ไม่สามารถป้องกันไม่ให้เป็นวัยทองได้ แต่การดำเนินชีวิตที่มีสุขภาพดีสามารถช่วยให้ร่างกายและจิตใจพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในช่วงนี้ได้ดียิ่งขึ้นและช่วยให้ผ่านพ้นช่วงเวลานี้ได้ง่ายขึ้น การรับมือกับวัยทองเป็นเรื่องส่วนบุคคลที่ต้องการความเข้าใจและการปรับตัว เป็นไปได้ว่าจะต้องทดลองหลายวิธีเพื่อดูว่าอะไรทำให้รู้สึกดีที่สุดสำหรับตัวเองในช่วงเวลานี้

ทำเลลำลูกกา น่าอยู่ไหม? เจาะลึกจุดเด่นของพื้นที่นี้

ลำลูกกา เป็นหนึ่งในทำเลที่กำลังได้รับความนิยมสำหรับการอยู่อาศัย โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการบ้านในเขตปริมณฑลที่เดินทางสะดวกและมีราคาจับต้องได้ หลายคนอาจสงสัยว่าทำเลนี้เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยหรือไม่ วันนี้เราจะพาคุณไปสำรวจจุดเด่นของลำลูกกา และเหตุผลว่าทำไมที่นี่ถึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการซื้อบ้าน

1. ที่ตั้งและการเดินทางสะดวกสบาย

ลำลูกกาตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงเทพฯ เชื่อมต่อกับเขตดอนเมือง รังสิต และปทุมธานี โดยมีถนนสายหลัก ได้แก่:

  • ถนนลำลูกกา (ทางหลวงหมายเลข 3312) เชื่อมต่อกับถนนพหลโยธินและวิภาวดีรังสิต ทำให้เดินทางเข้าเมืองสะดวก
  • ถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอกตะวันออก) ช่วยให้เข้าถึงย่านบางนา พระราม 9 และบางปะอินได้ง่าย
  • โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว (ส่วนต่อขยายหมอชิต-คูคต) ที่เปิดให้บริการแล้ว ช่วยให้การเดินทางเข้าเมืองสะดวกยิ่งขึ้น

2. ราคาที่อยู่อาศัยจับต้องได้

เมื่อเทียบกับทำเลอื่น ๆ ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ลำลูกกามีราคาที่อยู่อาศัยที่คุ้มค่า โดย

  • บ้านเดี่ยวเริ่มต้นประมาณ 3-5 ล้านบาท
  • ทาวน์โฮมเริ่มต้นประมาณ 1.5-3 ล้านบาท
  • คอนโดมิเนียมเริ่มต้นประมาณ 1-2 ล้านบาท

ราคานี้ถือว่าเข้าถึงได้สำหรับคนทำงานและครอบครัวที่ต้องการพื้นที่กว้างขวางในงบประมาณที่เหมาะสม

3. สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

ลำลูกกามีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนเมือง เช่น

  • ห้างสรรพสินค้าและซูเปอร์มาร์เก็ต เช่น ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต, บิ๊กซี ลำลูกกา, โลตัส คลอง 4, แม็คโคร รังสิต
  • สถานศึกษา เช่น โรงเรียนนานาชาติสยาม, โรงเรียนโชคชัยรังสิต, มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต

4. บรรยากาศที่เหมาะกับการอยู่อาศัย

ลำลูกกาเป็นพื้นที่สงบ ไม่แออัดเหมือนใจกลางเมือง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการบ้านที่มีพื้นที่สีเขียวและอากาศที่สดชื่น นอกจากนี้ยังมีหมู่บ้านจัดสรรที่ออกแบบให้มีความร่มรื่นและพื้นที่ส่วนกลางที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของครอบครัว

5. เหมาะกับชีวิตการทำงาน และชีวิตครอบครัว

ด้วยที่ตั้งที่สามารถเดินทางเข้าเมืองได้ง่าย และราคาที่จับต้องได้ ลำลูกกาจึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนทำงานที่ต้องการบ้านใกล้กรุงเทพฯ นอกจากนี้ ยังเหมาะกับครอบครัวที่ต้องการพื้นที่กว้างขวางเพื่อการอยู่อาศัยที่สบายขึ้น

สรุป ลำลูกกาน่าอยู่ไหม?

จากปัจจัยต่าง ๆ ที่กล่าวมา ลำลูกกาเป็นทำเลที่มีศักยภาพในการอยู่อาศัย ด้วยการเดินทางที่สะดวก ราคาที่คุ้มค่า และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ทำให้โครงการบ้าน ลำลูกกาเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่กำลังมองหาบ้านในเขตปริมณฑล

เจลแอลกอฮอล์ vs สบู่ล้างมือ อะไรฆ่าเชื้อได้ดีกว่ากัน?

การทำความสะอาดมือเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันโรคและการแพร่กระจายของเชื้อโรค หลายคนอาจสงสัยว่า เจลแอลกอฮอล์ กับ สบู่ล้างมือ แบบไหนสามารถฆ่าเชื้อโรคได้ดีกว่ากัน

1. เจลแอลกอฮอล์ (Alcohol-Based Hand Sanitizer)

ข้อดี

  • ใช้งานสะดวก ไม่ต้องใช้น้ำ
  • ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสได้รวดเร็ว (ต้องมีแอลกอฮอล์ 60% ขึ้นไป)
  • พกพาง่าย ใช้ได้ทุกที่

ข้อจำกัด

  • ไม่สามารถขจัดสิ่งสกปรกหรือคราบไขมันได้
  • ฆ่าเชื้อโรคบางชนิดได้น้อยกว่าสบู่ เช่น โนโรไวรัส และ เชื้อ C. difficile
  • แอลกอฮอล์อาจทำให้มือแห้งหากใช้บ่อย

2. สบู่ล้างมือ (Soap and Water)

ข้อดี

  • สามารถชะล้างเชื้อโรค รวมถึงสิ่งสกปรก ไขมัน และสารเคมี ออกจากผิวหนัง
  • กำจัดเชื้อโรคได้กว้างกว่าทั้งไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อที่ดื้อต่อแอลกอฮอล์
  • ไม่ทำให้มือแห้งเท่าการใช้แอลกอฮอล์

ข้อจำกัด

  • ต้องใช้น้ำ ทำให้ไม่สะดวกในบางสถานการณ์
  • ใช้เวลาในการล้างและเช็ดให้แห้ง

สรุป อะไรดีกว่ากัน?

  • หากมือเปื้อนคราบไขมันหรือสิ่งสกปรก ควรใช้สบู่ล้างมือ เพราะสามารถชะล้างสิ่งสกปรกและเชื้อโรคออกได้ดีกว่า
  • หากไม่มีน้ำหรือสบู่ แนะนำให้ใช้เจลแอลกอฮอล์ ที่มีแอลกอฮอล์อย่างน้อย 60% ขึ้นไป เพื่อลดเชื้อโรค

สรุปง่าย ๆ สบู่ล้างมือมีประสิทธิภาพโดยรวมดีกว่า แต่ เจลแอลกอฮอล์เป็นทางเลือกที่สะดวกเมื่อไม่มีน้ำและสบู่

เคล็ดลับเพิ่มเติม

  • ควรล้างมือด้วยสบู่อย่างน้อย 20 วินาที
  • ถ้าใช้เจลแอลกอฮอล์ ควรถูมือให้ทั่วและปล่อยให้แห้งเอง
  • หลีกเลี่ยงการใช้แอลกอฮอล์เจลที่มีเมทานอล เพราะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

ซื้อเจลแอลกอฮอล์และสบู่ล้างมือคุณภาพดีได้ที่ร้านคลังยามีนบุรี

หากคุณกำลังมองหา เจลแอลกอฮอล์คุณภาพสูง หรือ สบู่ล้างมือสูตรฆ่าเชื้อ ที่ได้มาตรฐาน ต้องคลังยามีนบุรี ร้านเวชภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองจาก อย. และมีสินค้าหลากหลายให้เลือก

สินค้ายอดนิยม

  • เจลแอลกอฮอล์ 70% ขึ้นไป มาตรฐานโรงพยาบาล
  • สบู่ล้างมือฆ่าเชื้อ สำหรับใช้ในบ้านและสถานพยาบาล
  • หน้ากากอนามัย และอุปกรณ์ทำความสะอาดอื่น ๆ

 แวะมาเลือกซื้อได้ที่ร้านคลังยามีนบุรี หรือสั่งซื้อออนไลน์พร้อมจัดส่งทั่วประเทศ!
สนใจสินค้า ติดต่อสอบถามได้ที่นี่
https://www.klungyaminburi.com/ร้านขายอุปกรณ์การแพทย์-เวชภัณฑ์/